การจัดการยอดขายจากการขายและรายงานกำไรขาดทุนเป็นจุดสำคัญในธุรกิจที่เจ้าของร้านต้องใส่ใจ การคิดคำนวณยอดขายจากการขายในเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้เจ้าของร้านสามารถสร้างรายงานกำไรขาดทุนได้อย่างแม่นยำที่สุด
ร้านค้าปลีกหลายแห่งในไทยเปิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เจ้าของร้านส่วนใหญ่ขาดมุมมองทางวิทยาศาสตร์และไม่มีกลยุทธ์การพัฒนาที่เฉพาะเจาะจง ไม่เข้าใจการทำบัญชีหรือเชื่อใจพนักงานมากเกินไป เจ้าของร้านหลายคนมักบ่นว่าขายได้แต่ไม่เห็นเงิน วิธีการจดจำรายรับและรายจ่ายอย่างถูกต้องจึงจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
1. ยอดขายคืออะไร?
ยอดขายคือมูลค่ารวมที่ได้รับจากการขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือการให้บริการแก่ลูกค้า รวมทั้งจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้รับหรือมีสิทธิเรียกเก็บเงินจากการขายสินค้าและบริการในช่วงเวลาหนึ่ง
การจัดการยอดขายที่เข้มงวดช่วยลดการสูญเสียทางธุรกิจ
2. ยอดขายประเภทต่างๆที่เจ้าของร้านต้องใส่ใจ
เมื่อพูดถึงธุรกิจ เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน ผู้คนมักจะพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้นเพื่อที่จะจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าของร้านจำเป็นต้องรู้:
- ยอดขายรวมคือจำนวนเงินที่ระบุไว้ในใบเสร็จรับเงิน สัญญาการให้บริการ ซึ่งรวมถึงยอดขายที่มีส่วนลด สินค้าที่ถูกส่งคืน และส่วนลดของสินค้าที่อนุมัติสำหรับผู้ซื้อแล้ว แต่ยังไม่ได้บันทึกลงในใบเสร็จรับเงิน
- ยอดขายสุทธิหรือที่เรียกว่ายอดขายจริงถูกกำหนดตามสูตร
- ยอดขายสุทธิ = ยอดขายรวม – ส่วนลดการขาย – มูลค่าสินค้าที่ถูกส่งคืน – มูลค่าส่วนลดสินค้า – ภาษี
ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยอดขายจะช่วยให้คุณจัดการยอดขายจากการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. สาเหตุที่ทำให้การจัดการยอดขายไม่ถูกต้อง
3.1. การรับรู้ยอดขายเมื่อลูกค้ายังไม่ชำระเงิน
โดยค่าเริ่มต้น มูลค่ารวมของธุรกรรมคือยอดขายจากการขาย แต่ในความเป็นจริง พนักงานขายมักจะสับสนระหว่างยอดขายสุทธิกับยอดขายรวม
มีหลายกรณี ลูกค้าของร้านอยู่ต่างจังหวัดและเมืองต่างๆ ในประเทศ และขอให้จัดส่งถึงที่ในรูปแบบบริการส่งสินค้าเก็บเงินปลายทาง (COD) ในขณะที่ร้านค้าสร้างออเดอร์และส่งวินค้าไปยังผู้จัดส่งเพื่อจัดส่งให้กับลูกค้า เงินนั้นยังไม่ได้เข้าบัญชี ในระหว่างการจัดส่งสินค้า ธุรกรรมอาจถูกยกเลิกเนื่องจากสินค้าเสียหาย ดังนั้นร้านค้าจำเป็นต้องชดเชยให้กับลูกค้า หรือลูกค้าปฏิเสธที่จะรับของเนื่องจากการจัดส่งช้า หรือข้อมูลการจัดส่ง - รับสินค้าไม่ถูกต้อง ดังนั้นยอดขายจากการขายจะเปลี่ยนไป
การดำเนินงานที่ไม่ดีจะส่งผลกระทบต่อการจัดการยอดขาย
3.2. นิสัยการใช้หนังสือ
ด้วยนิสัยขายของแล้วบันทึกโดยการใช้หนังสือ ถ้าหากเจ้าของร้านลืบบันทึกออเดอร์ใดออเดอร์หนึ่ง และทางร้านไม่สามารถจัดการสถานะพนักงานขายของให้ลูกค้าแต่ไม่บันทึกในหนังสือ รายรับและรายจ่ายเล็กๆ น้อยๆ มากมายที่ได้รับส่วนลดเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นลูกค้าประจำ หรือการนำเข้าสินค้าด่วนซึ่งไม่นับรวมเข้าสต็อก เป็นต้น
ปัญหาเหล่านี้จะทำให้เจ้าของร้านเปรียบเทียบปริมาณสินค้าที่ขายได้กับจำนวนเงินที่เก็บได้ได้ยากมาก สิ่งนี้นำไปสู่การทำบัญชียอดขายไม่ถูกต้อง ผู้จัดการไม่สามารถควบคุมปริมาณของสินค้าที่สูญหายแม้ว่าปริมาณรวมของสินค้าที่ขายและสต็อกจะไม่เหมือนกับจำนวนการนำเข้าเริ่มต้น ดังนั้นร้านค้าสามารถอ้างถึงบทความก่อนหน้าของ Blog Sapo ที่แบ่งปันในหัวข้อวิธีจัดการสินค้าคงคลังเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย
ไม่ต้องพูดถึงว่าร้านค้าต้องการรับรายงานกำไรขาดทุนที่ดี พวกเขาต้องป้อนตัวเลขใน excel และบางครั้งการคำนวณด้วยตนเองก็เป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้แม่นยำ และก็ต้องใช้เวลานานด้วย
4. การจัดการรายรับและรายจ่ายที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำ
เช่นนั้น วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการยอดขายคือเมื่อคุณใช้หลายมาตรการพร้อมกัน ก่อนอื่นต้องสร้างกระบวนการจัดการคลังสินค้าที่เข้มงวด บริหารงานเฉพาะของพนักงานแต่ละคนอย่างถี่ถ้วนและสิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือต้องใช้เครื่องมือสนับสนุนที่เหมาะสมเพื่อบรรลุยอดขายสูงๆ สำหรับวิธีการจัดการสินค้าคงคลัง โปรดอ่านบทความ เคล็ดลับสำหรับการจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับโมเดลธุรกิจขนาดเล็กเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม
หลีกเลี่ยงการสูญเสียสินค้าในการจัดการการขาย
โปรแกรมจัดการร้านค้าที่ชาญฉลาดจะจัดการยอดขายโดยเงินสดที่ร้านอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ระบบจะรองรับการบันทึกยอดขายร่วมกับคำสั่งซื้อเพื่อจัดส่งไปยังจังหวัดและเมืองต่างๆ ตามกระบวนการดังต่อไปนี้
ส่งสินค้าที่ร้านค้าไปยังผู้จัดส่ง > ผู้จัดส่งจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า > ร้านค้าบันทึกยอดขายเมื่อผู้จัดส่งยืนยันการจัดส่งที่สำเร็จ > อัปเดตเข้ารายงานยอดขายในวันที่ผู้จัดส่งยืนยันการจัดส่งสำเร็จ
สิ่งนี้มีประโยชน์ที่สำคัญสองประการดังนี้:
ยอดขายนี้เป็นยอดขายจริง 100% ของร้านค้า ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์ทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างแม่นยำ
รายรับ - รายจ่ายจริงในร้านค้าตรงตามรอบเวลา
โดยสรุปว่า เพียงคลิกไม่กี่ครั้ง เจ้าของร้านก็จะเข้าใจจำนวนเงิน "จริง" อย่างถ่องแท้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระแสเงินสดหยุดชะงักด้วยเครื่องมือการจัดการ จากนั้นสามารถสรุปยอดดุลระหว่างรายได้ (ยอดขาย) และค่าใช้จ่ายในแต่ละช่วงเวลาผ่านรายงานกำไรขาดทุนเพื่อให้ทราบว่ากำไรสุทธิของตนคือเท่าไหร่
อ่านเพิ่มเติม: คู่มือการขายอย่างมืออาชีพด้วยโปรแกรมจัดการร้านค้า
Sapo มอบโปรแกรมจัดการร้านค้า Sapo POS ให้คุณใช้งานได้ฟรี 7 วัน จงลงทะเบียนเพื่อลองใช้คุณสมบัติการจัดการการขายรวมถึงคุณสมบัติที่มีประโยชน์อื่น ๆ ทั้งหมดที่มีใน Sapo จากวันนี้!
ทดลองใช้โปรแกรมจัดการร้านค้าและการขายออนไลน์ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของร้าน Sapo POS ฟรี