ด้วยการพัฒนาที่รวดเร็วเครือข่ายสังคมออนไลน์ของ Facebook จึงเป็นพื้นที่ที่ร่ำรวยสำหรับธุรกิจ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้วิธีใช้ประโยชน์จากมัน หากคุณอยากได้ยอดขายออนไลน์บน Facebook ได้อย่างดีคุณต้องรู้วิธีจัดการเพจอย่างมีประสิทธิภาพ โพสต์นี้จะแบ่งปันเคล็ดลับการจัดการเพจและข้อผิดพลาดที่คุณไม่ควรทำ เมื่อรู้เคล็ดลับ 9 ข้อนี้แล้ว เรามั่นใจว่าคุณจะประสบความสำเร็จแน่นอนในการจัดการเพจ Facebook
1.เคล็ดลับช่วยจัดการเพจอย่างมีประสิทธิภาพ
1.1. โพสต์อย่างสม่ำเสมอ
การโพสต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มโอกาสให้โพสต์ของคุณโชว์บนหน้า Newsfeed ของแฟนๆ และยิ่งโพสต์โชว์มากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่คนจะกดไลค์มากเท่านั้น พอแฟนๆ กดไลค์เพื่อนของเขาก็จะเห็นโพสต์ของเราบนหน้า Newsfeed ของตัวเอง และก็จะเป็นแบบนี้ไปเป็นลูกโซ่เลยค่ะ
1.2. วางแผนจัดเนื้อหาในแต่ละเดือน
สิ่งสำคัญคือเนื้อหาของคุณมีความเหมาะสม ทันเวลา และการอัปเดตที่เฉพาะเจาะจงก็เป็นจุดดึงดูดเช่นกัน การวางแผนเนื้อหาต่อโพสต์ก่อนที่จะจัดการเพจ Facebook จะช่วยประหยัดเวลาและช่วยให้คุณมีเวลาในการไตร่ตรองอย่างรอบคอบและมีกลยุทธ์มากขึ้นในแต่ละโพสต์ของคุณ
ใช้เวลาสองสามชั่วโมงในแต่ละเดือนเพื่อวางแผนโพสต์สำหรับเดือนถัดไป ปฏิบัติตามหลักการ 80/20 โดยมีเนื้อหาธุรกิจ 80% และเนื้อหาทางอ้อม 20% ซึ่งหมายความว่าเนื้อหา 20% เป็นของบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง สิ่งนี้ช่วยสร้างชุมชนที่แท้จริงและช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าธุรกิจและองค์กรอื่น ๆ
1.3. ใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันตั้งเวลาโพสต์ของแฟนเพจ
แฟนเพจมีฟังก์ชั่นตั้งเวลาโพสต์ที่มีประโยชน์มาก คุณสามารถตั้งเวลาโพสต์ของคุณได้โดยคลิกที่นาฬิกาที่มุมซ้ายของโพสต์ย์ ด้วยฟังก์ชั่นนี้คุณสามารถตั้งเวลาโพสต์เป็นเวลา 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือนหรือ 1 ปีได้ตราบเท่าที่คุณเตรียมเนื้อหาไว้
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าคุณตั้งเวลาโพสต์เป็นระยะเวลานานและปล่อยให้โพสต์อยู่ๆเวลานาน การจัดการบนแฟนเพจคุณต้องใส่ใจกับโพสต์ของคุณเพื่อทำการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสมเมื่อเนื้อหาของโพสต์ไม่ตรงกับสถานการณ์จริงในขณะที่ลงโพสต์ แบรนด์ใหญ่จำนวนมากประสบปัญหาในเรื่องนี้โดยไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พวกเขาคิดก่อน
ต้องใช้ประโยชน์สูงสุดจากตารางการโพสต์แฟนเพจ ตัวอย่างเช่นคุณตั้งเวลาโพสต์ในช่วงสุดสัปดาห์ เช่นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สวยงามไปตั้งแคมป์และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับคนที่คุณรัก
น่าเสียดายที่ในวันหยุดสุดสัปดาห์นั้นทั้งเมืองมีฝนตกอย่างหนักและทำให้หลายคนถึงเสียชีวิตจากการถูกพัดพาไปบริเวณกระแสน้ำ คุณยังสามารถจินตนาการได้ว่าทุกคนจะเป็นอย่างไรหากโพสต์ของคุณยังคงได้ลงตามกำหนดเวลาที่คุณเตรียมไว้ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับโพสต์ของคุณเพื่อปรับเปลี่ยนตามบริบท
1.4. สร้างเนื้อหาเป็นระยะ
บทความบ้างเรื่องจะได้โหลดตามช่วงเวลาเจาะจง ตัวอย่างเช่นผู้หลงใหลในสัปดาห์ สินค้าที่โดดเด่นของเดือน หรือของขวัญประจำ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความคาดหวังและความกระตือรือร้นของลูกค้าและสร้างความเชื่อมโยงในระยะยาวของลูกค้า
1.5. พัฒนาข้อมูลกลุ่ม
จัดหมวดหมู่เนื้อหาให้เหมาะสมจะช่วยให้โพสต์ของคุณน่าสนใจมากขึ้น การส่งเสริม โปรโมชั่น วัฒนธรรมและข่าวสารมักเป็นเนื้อหาที่ดีสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเนื้อหาแต่ละประเภท
- การเข้าร่วม: โพสต์จะได้กดไลค์ คอมเมนต์และแชร์โดยแฟน ๆ โดยปกติแล้วจะอยู่ในรูปของคำถามตลก ๆ หรือเรื่องราวดีๆในชีวิต
- โปรโมชั่น: ข่าวส่รโปรโมชั่นของบริษัทคุณทั้งช่วยเชื่อมต่อกับลูกค้าและเพิ่มยอดขายอีกด้วย
- วัฒนธรรม: การแบ่งปันวัฒนธรรมของธุรกิจจากการส่งเสริมการฝึกอบรม นโยบายสวัสดิการหรือความรู้สึกที่ดีของพนักงานจะช่วยสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับธุรกิจ
- ข่าวสาร: ข่าวล่าสุดของบริษัทหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องของคุณยังเป็นเนื้อหาที่ดึงดูดผู้ชม
1.6. การใช้รูปภาพที่มีประสิทธิภาพ
ภาพลักษณ์ที่สวยงามเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดผู้ชม ภาพโปรไฟล์และภาพหน้าปกโปรไฟล์ที่สวยงามและเป็นมืออาชีพเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้สำหรับหน้าแฟนเพจของคุณ มันมีหน้าที่ส่งเสริมตราสินค้าภาพลักษณ์ของบริษัท และเป็นจุดเด่นในการสร้างความสนใจให้กับผู้ชม
โพสต์ยังต้องมีรูปภาพรูปภาพเพื่อช่วยให้เนื้อหาของคุณเข้าไปในใจของผู้ชม ได้ง่ายขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการกดไลค์และการแชร์มากขึ้น
1.7. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าร่วมชุม
ใช้เวลาที่มีประสิทธิภาพจากการตั้งเวลาโพสต์เพื่อมีการเข้าร่วมกับแฟนเพจมากขึ้นโดยการตอบกลับคอมเมนต์ของผู้ชม บางครั้งยังมองว่าเป็นการสนับสนุนทางออนไลน์เมื่อลูกค้า มีคำถาม สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกได้รับการดูแล สร้างปฏิสัมพันธ์และความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับผู้ชม
นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและการอภิปรายในแฟนเพจอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการมีตัวตนและแบรนด์ของคุณในชุมชนเครือข่ายสังคม
1.8. การวิเคราะห์และการเพิ่มประสิทธิภาพ
Facebook Insights ให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับเนื้อหาแก่ผู้จัดการระบบ รายงานเพจของคุณและโพสต์ข้อมูลอย่างน้อยที่สุดเป็นประจำทุกเดือนเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้คนโต้ตอบกับเพจของคุณอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นว่าหัวข้อเนื้อหาหรือหมวดหมู่ใดได้รับความสนใจที่ดีที่สุด คุณสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้สำหรับการวางแผนเนื้อหาสำหรับเดือนต่อ ๆ ไป
วิเคราะห์การประเมินเนื้อหาเพื่อนำไปปรับปรุงในโพสต์ต่อไป
1.9. เพิ่มปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
เช่นเดียวกับตอนที่ 7 แต่เราต้องให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น คุณต้องตอบกลับคอมเมนต์และอินบ็อกตลอด แต่การตอบกลับจำเป็นต้องใช้คำที่สุภาพเพื่อให้ผู้ติดตามแฟนเพจของคุณรู้สึกใกล้ชิด จากนั้นพวกเขามักจะสนใจและแชร์โพสต์บนแฟนเพจของคุณ
ด้วยการวางแผนเนื้อหา ลงโพสต์อย่างสม่ำเสมอการมีส่วนร่วมและการวัดผลคุณจะสามารถเพิ่มการมองเห็น Facebook ที่ยอดเยี่ยมของธุรกิจของคุณได้อย่างสมบูรณ์ อย่ากลัวที่จะพูดถึงบุคลิกภาพของธุรกิจของคุณ มันช่วยให้ทุกคนเข้าใจธุรกิจของคุณได้ดีขึ้น
นอกเหนือจากการทำความเข้าใจเคล็ดลับและการจัดการเพจแล้วคุณยังต้องหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดบางอย่าง ธุรกิจและผู้ขายจำนวนมากบน Facebook ยังพบข้อผิดพลาดที่ไม่จำเป็นมากมายในการค้นหาลูกค้าบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ข้อผิดพลาดเหล่านี้ไม่เพียงทำให้คุณทำให้ลูกค้าหายไป แต่ยังทำให้คุณสูญเสียลูกค้าที่มีอยู่อีกด้วย
2. ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อจัดการเพจ
เราจะแนะนำ 5 ข้อข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดเมื่อจัดการเพจที่ธุรกิจขนาดเล็กและผู้ขายจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่
2.1. เป็นผู้พูดอยู่ฝ่ายเดียว
หากคุณเอาแต่บอกเล่าเรื่องราวของคุณอยู่ฝ่ายเดียวแสดงว่าคุณลืมไปว่าตัวเองกำลังสื่อสารผ่าน Facebook อยู่ เพราะการสื่อสารทางเดียวนั้นใช้กับสื่อโทรทัศน์หรือนิตยสาร คุณต้องเข้าใจซะก่อนว่า Social Media นั้นถือกำเนิดขึ้นเพื่อการสื่อสารโต้ตอบระหว่างกลุ่มผู้ใช้งาน หากคุณอยากจะให้แฟนเพจสนใจเรื่องราวของคุณ คุณก็ต้องสนใจในสิ่งที่แฟนเพจบอกคุณและพูดคุยโต้ตอบกับพวกเขาด้วย
Facebook เป็นชุมชนและจุดสำคัญที่สุดของชุมชนคือความไว้วางใจและความจริงใจ ดังนั้นฉันสามารถพูดได้ว่าถ้าคุณไม่รู้จักดูแลลูกค้าของคุณและไม่แบ่งปันซึ่งกันและกันอย่างจริงใจพวกเขาจะตระหนักได้ไม่ช้าก็เร็ว ด้วยการมองเห็นและรับฟังคุณจะรู้ว่าลูกค้ากำลังไปที่ใด ทำอะไรและคิดอย่างไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณ
โดยสรุป: เมื่อคุณสร้างเนื้อหาแฟนเพจของคุณสิ่งสำคัญคือต้องคำนึงคิดลูกค้าเป็นศูนย์กลางของเป้าหมายเสมอ พูดถึงเรื่องของลูกค้าและรับฟังพวกเขา
2. ไม่สนใจบุคลิกภาพแบรนด์
ธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากละเลยความสำคัญของการเก็บฟอร์มแฟนเพจ Facebook ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กรและลักษณะของผลิตภัณฑ์และลูกค้า แฟนเพจและช่องทางเครือข่ายสังคมอื่น ๆ สำหรับธุรกิจถือได้ว่าเป็นใบหน้าของบุคคลนั่นคือที่ที่คุณแสดงบุคลิกของคุณ
ดังนั้นเมื่อสร้างโพสต์ที่ไม่ซ้ำใครหรือเมื่อคุณโต้ตอบกับลูกค้า นั่นเป็นวิธีการจัดการเพจบน Facebook สำหรับการสร้างธุรกิจสมัยใหม่ ฉันย้ำอีกครั้งว่าท่านต้องสร้างแบรนด์ให้เป็น ไม่ใช่มองการสร้างแบรนด์เป็นการสร้างภาพลักษณ์หรือโฆษณามันคือหน้าที่ของทุกๆคนในองค์กร การวัดว่ามีแบรนด์หรือไม่ ดูได้หลายอย่างหนึ่งในนั้น คือ แบรนด์หรือธุรกิจท่านต้องมีบุคลิกที่ชัดเจน นอกจากสื่อโฆษณา, การออกแบบการบริการ, การออกแบบสินค้าและบุคลิกของพนักงานต้องไปในทางเดียวกัน
โดยสรุป: กำหนดบุคลิกภาพแบรนด์ของคุณบนโซเชียลเน็ตเวิร์กให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมายของคุณ
3. ไม่ใช้โฆษณา Facebook Ads!
การทำธุรกิจบน facebook มาเป็นเวลานานหลายคนยังคงมีความคิดที่ว่า Facebook ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับการจ่ายเงินเพื่อโฆษณาบน Facebook พวกเขาก็เกรงใจ! ผู้จัดการระบบส่วนใหญ่ต้องการสร้างแฟนเพจเองเพียงเพื่อลงโฆษณาฟรี แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันการเข้าถึงของแฟนเพจอาจเท่ากับจำนวนลูกค้าที่มองหาแบรนด์ของคุณบน Facebook เท่านั้น
ดังนั้นการใช้งานโฆษณาบน Facebook ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด แต่ถ้าคุณไม่ใช้มันคุณจะพลาดโอกาสดีๆไปแล้ว เครือข่ายโซเชียลที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้สร้างแพลตฟอร์มที่ทรงพลังเพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถขยายรายชื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ โดยทั่วไปคุณสามารถค้นหาลูกค้าของคุณผ่านความชอบ สถานที่ตั้งและพฤติกรรมการค้าขายของลูกค้า
การขาขายที่ Facebook ควรใช้ Facebook Ads
หากไม่มีโฆษณาที่ Facebook โฆษณาของ Starbucks น่าจะไม่ได้รับการสนใจเป็นจำนวนเยอะขนาดนี้
สรุป: หากคุณทำธุรกิจที่ Facebook อยู่แล้ว คุณควรเรียนรู้เคล็ดลับของโฆษณาที่ Facebook ด้วยตัวเองว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับช่อง Fanpage อย่าปล่อยความพยายามสร้างสรรค์เนื้อหาของคุณไม่ได้ประโยชน์เพราะมันไม่เข้าถึงลูกค้า
4. ไม่มีการสร้างสรรค์ในเนื้อหา!
บางครั้งคุณก็อยากปลอดภัย จึงคุณแค่เลือกเพียงเลือกเนื้อหาบางประเภทแล้วลงมือทำซ้ำกันหลายครั้ง
ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่นักสร้างสรรค์โฆษณาทุกคนควรจะฝึกฝนเพื่อที่จะออกแบบสารโฆษณาให้สามารถดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยทั่วไปผู้ทำงานด้านการคิดสร้างสรรค์ต้องเป็นบุคคลที่ทำงานหนักคือมีการคิดสิ่งใหม่ ๆ ทางด้านแนวคิดที่ดีอยู่เสมอเพราะพวกเขามักจะต้องมีความรู้โดยการอ่านวิเคราะห์ทดสอบและวิตกกังวลจึงทำให้พวกเขาเหล่านี้มาแสดงออกเป็นสื่อที่ไม่ปกติธรรมดา เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงและมีแนวคิดเชิงนิยายซึ่งวิธีการคิดนี้หาได้ยากจากบุคคลทั่วไป แต่ก็ต้องสามารถถ่ายทอดความคิดออกมาให้เกิดภาพความเป็นจริงและจัดทำโฆษณาออกมาสู่สายตากลุ่มเป้าหมาย
เนื้อหาบางส่วนอาจกลายเป็นเนื้อหาไวรัล (ไวรัล) นี่คือรูปแบบเนื้อหาที่มีค่าที่สุดสำหรับแฟนเพจที่นักสื่อสารทุกคนปรารถนาที่จะมี เนื้อหาไวรัลสามารถทำให้คุณเข้าถึงคนที่เห็นโพสต์ที่โพสต์ลงเพจได้เพิ่มขึ้นได้ชัดตัวอย่างเช่น:
"ไอซ์ บั๊กเก็ต แชลเลนจ์" ได้รับความสนใจและสนับสนุนจากแวดวงไอที กีฬา และนักร้องนักแสดงดังๆ จำนวนมาก อย่าง Bill Gates, Mark Zuckerberg, Tim Cook, Darren Fletcher, Blake Shelton และ Adam Levine ล่าสุดก็ลามมาถึงประเทศไทย ทั้งดารา คนดัง และซีอีโอบริษัทใหญ่ๆ ก็ร่วมกับแคมเปญนี้ องค์กรอเมริกันเพื่อการป้องกันโรค ALS มียอดผู้เข้าชมมากกว่า 440 ล้านครั้งและด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้รับเงินสนับสนุนจำนวนมากในขณะที่ไม่เสียค่าสื่อโฆษณาแม้แต่บาทเดียว!
สรุป: ความคิดสร้างสรรค์และใช้เวลาในการคิดและทดสอบเนื้อหาต่างๆ หากรูปภาพที่คุณโพสต์ไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าให้ลองวิธีอื่นในการโพสต์วิดีโอ ลองสร้างอินโฟกราฟิก ลองเขียนบทกวีสร้างด้วย GIF อย่างต่อเนื่องเพื่อดูว่าเนื้อหาประเภทใดที่ลูกค้าชื่นชอบมากที่สุด
5. ไม่ใช้ตัวจัดการเพจ Facebook
ตัวจัดการเพจ Facebook เป็นครื่องมือออนไลน์ที่ดีที่สุดในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะธุรกิจไหนก็ต้องมีเพจ Facebook กันทั้งนั้น แต่ความจริงที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดทุกคนทราบดี คือ “แค่มีเพจไม่ได้แปลว่าประสบความสำเร็จในการทำการตลาดที่ Facebook แล้ว และไม่ได้หมายความว่าสินค้าจะขายได้อย่างดี”
ปัจจุบันนี้ มีตัวจัดการเพจ facebook มากมายที่คุณสามารถค้นหาอย่างง่ายเพื่อจัดการการขายที่ facebook ได้ง่ายและสะดวกขึ้น
เพราะเหตุนั้น Sapo ได้เปิดตัวตัวจัดการเพจ Facebook ฟรีซึ่งมีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อกับเพจ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของแอพพลิเคชั่นนี้ เพียงแค่เชื่อมต่อกับเพจของคุณ ระบบร้านค้าออนไลน์ Sapo จะกลายเป็นตัวจัดการเพจ Facebook ที่ยอดเยี่ยมพร้อมคุณสมบัติทั้งหมดที่คุณต้องการ
คุณสมบัติที่สามารถช่วยคุณจัดการเพจได้อย่างดี เช่น :
- จัดการข้อความและคอมเมนต์ทั้งหมดของเพจบนหน้าจอเดียวกัน ช่วยให้คุณเช็คได้อย่างง่ายดายว่าคุณดูข้อความใด คอมเมนต์ใดที่คุณตอบกลับแล้ว หลีกเลี่ยงการเสียเวลาและพลาดข้อความและคอมเมนต์ของลูกค้าไป
- สร้างสติกเกอร์ที่กำหนดเองสำหรับลูกค้าของคุณ (VIP, ผู้ค้าส่ง, ผู้ค้าปลีก) เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบนโยบายการกำหนดราคาของคุณได้อย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
- สร้างเทมเพลตคำตอบที่พร้อมใช้งานได้อย่างง่ายดาย รวมรูปภาพและหลีกเลี่ยงได้การพิมพ์ข้อมูลเดียวกันจำนวนมาก ตอนนี้คุณเพียงแค่พิมพ์คำหลักเพื่อส่งข้อความยาวพร้อมรายละเอียดให้กับลูกค้าอย่างสะดวก
- โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบร้านค้าออนไลน์ Sapo ยังมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์มาก นั่นคือการสร้างออเดอร์ที่ในแชทบอสเมื่อสนทนากับลูกค้า นอกจากจะสามารถเช็คสินค้าที่ลูกค้าถามได้ทันทีแล้ว คุณยังสามารถสร้างออเดอร์ได้อีกด้วยทันทีที่ลูกค้าสั่งซื้อ หลังจากที่คุณสร้างออเดอร์ ระบบจะอัปเดตยอดขายของออเดอร์นั้นลงในระบบโดยอัตโนมัติ และจะส่งใบเสร็จออนไลน์ให้ลูกค้าเช็คข้อมูลออเดอร์ สะดวกและเป็นมืออาชีพใช่ไหม?
ลองใช้ตัวจัดการเพจฟรีของ Sapo เพื่อให้การขายออนไลน์ของคุณได้ง่ายขึ้นเลย!
วิธีที่ยอดเยี่ยมในการจัดการ Facebook ด้วยแอพ Sapo ทำให้การขายของออนไลน์ง่ายขึ้น
มีเครื่องมือที่มีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่เราไม่สามารถกล่าวถึงได้ทั้งหมดในเนื้อหาของโพสต์นี้ คุณสามารถค้นหาด้วยตัวเองและทำงานเป็นเรื่องสนุกสนานนะ
สรูป: เรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือเพื่อเอาชนะคู่แข่งและมีประสิทธิผลมากขึ้น การใช้ตัวจัดการเพจจะประหยัดเวลาและเงินในการลงทุนในธุรกิจของคุณมากขึ้น
นี่เป็นเคล็ดลับวิธีจัดการเพจ Facebook อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามเพื่อให้กลยุทธ์โซเชียลมีเดียของธุรกิจมีประสิทธิภาพ คุณต้องมีแผนการที่เหมาะสมในการโปรโมต Fanpage ให้กับชุมชน นอกเหนือจากการรู้วิธีใช้ประโยชน์และทำให้ Fanpage เป็นช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพ